top of page

การรักษาสิวบนใบหน้า มีวิธีไหนบ้าง?



นับว่าเป็นปัญหากวนใจใครหลายคน หากเกิดขึ้นกับตัวเอง ถ้าปล่อยให้เจ้าสิวอักเสบลุกลามจนกินพื้นที่ลึกลงไปบนใบหน้าสวยๆของเราแล้วละก็ ผิวของเพื่อนๆอาจกลายเป็นหลุมเป็นบ่อได้นะคะ อ่อ!! ฝากอีกนิดค่ะ สำหรับใครที่มือบอน ชอบบีบสิวแต่ดันบีบไปเรื่อย ไม่รู้วิธีบีบที่ถูกต้องควรหยุดพฤติกรรมเหล่านี้ด่วนนะคะ เพราะมันเป็นการกระตุ้นให้สิวอักเสบยิ่งกว่าเดิมค่ะ เพื่อนๆรู้หรือไม่ว่า ถ้าเราเป็นหลุมสิวแล้วโอกาสที่จะทำให้หน้ากลับมาสภาพเดิมแทบไม่มีเลยนะ อย่างมากก็สามารถทำให้เซลล์เนื้อเยื่อใหม่ฟื้นฟูและเติมเต็มหลุมได้แค่ 70-80% เท่านั้น



มาลองทำความรู้จักกับหลุมสิวเบื้องต้นกันก่อนนะคะ



ระดับความลึกของหลุมสิวหลักๆมีทั้งหมด 3 ลำดับ ดังนี้ค่ะ

  • ระดับ Ice pick scar (ระดับรุนแรงที่สุด) การฟื้นฟูคงต้องใช้เวลานานในการรักษาค่ะ ซึ่งหลุมระดับนี้ใช้ยาทาก็มักจะเอาไม่อยู่ แต่ทำได้แค่ช่วยให้รอยมันตื้นขึ้นเพียงเท่านั้น

  • ระดับ Box scar (ระดับรุนแรงปานกลาง) มีความตื้นกว่าระดับ Ice pick scar ค่ะ เพราะมันจะกินความลึกแค่ชั้นผิวเท่านั้น ไม่ได้กินไปจนถึงชั้นรูขุมขน วิธีรักษา คือใช้ยาทาควบคู่ไปกับการทำทรีตเมนต์ได้ค่ะ

  • ระดับ Rolling scar (ระดับทั่วไป) หลุมสิวระดับนี้จะมีลักษณะเป็นหลุมสิวแบบตื้น ๆ ซึ่งหลุมระดับนี้มักเกิดจากการแกะเกาสิวที่อยู่ในระดับที่ไม่ลึกมากนัก ส่วนวิธีรักษาสามารถใช้ยาทาในการเติมเต็มเนื้อผิวได้เลยค่ะ


มาลองดูกันเลยคะว่า มีวิธียอดนิยมไหนบ้างที่จะทำให้เพื่อนๆกลับมามีผิวหน้าเรียบเนียนเหมือนเดิม



1.แต้มกรด TCA หรือ วิตามินเอ


การใช้กรด TCA เพื่อช่วยเร่งผิวใหม่ให้เกิดการแบ่งตัวเร็วขึ้น และรอยจะค่อยๆตื้นขึ้นค่ะ แต่เพื่อนๆต้องใจเย็นๆนะคะเพราะวิธีนี้ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือนเลย


กรดวิตามินเอ

หากเพื่อนๆไม่รีบร้อนและบางคนอาจกลัวการที่ลอกเป็นสะเก็ด แอดแนะนำให้ใช้กรดวิตามินเอ แทนค่ะ มันจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ ทาสักอาทิตย์ละ 2-3 ครั้งก็พอนะคะ


2. สกินแคร์


สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของวิตามินเอ วิตามินอี และ BHA ก็สามารถช่วยกระตุ้นเซลล์ผิวได้เช่นกันค่ะ ส่วนตัวแอดมีปัญหาที่เกิดจากหลุมสิวบริเวณแก้มค่ะ ได้มีโอกาสใช้ครีมตัวนึง ชื่อ มารีนคอลาเจน เป็นครีมที่นำเข้าจากประเทศนิวซีแลนด์ค่ะ ผิวของแอดมินค่อยๆดีขึ้นเรื่อยๆ แอดลองสังเกตดูรอยที่เกิดจากสิวก็ตื้นขึ้นนะคะ ใครสนใจก็ลองไปใช้ตามกันดูนะค่ะ


3. การรับประทานยาที่สกัดจากอนุพันธ์ของวิตามินเอ


วิธีนี้มักนำมารักษาร่วมกับการรักษาสิวค่ะ ยาที่ถูกนำมาใช้มักจะเป็นยาในกลุ่มของกรดวิตามินเอ อย่าง Roaccutance, Acnotin, Isotretinoin ซึ่งยากลุ่มนี้จะช่วยกระตุ้นคอลลาเจน , ควบคุมความมัน พร้อมกับเติมเต็มรอยหลุมได้ด้วยค่ะ แต่ก็ยังมีผลข้างเคียง เช่น ตาแห้ง ผิวแห้ง ปากแห้งได้ค่ะ เนื่องจากยาชนิดนี้เป็นยาทานที่มีผลต่อไขมันทั่วร่างกาย ควรได้รับการดูแลจากแพทย์นะคะเพื่อความปลอดภัย


4. เลเซอร์หลุมสิว


เป็นอีกวิธีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก แต่มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงค่ะ ซึ่งการทำเลเซอร์นั้นสามารถทำให้คอลลาเจนใต้ผิวถูกกระตุ้นให้สร้างตัวมากขึ้นเพื่อช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ เช่น เลเซอร์ Yag เป็นอีกวิธีที่ได้ผลดีกว่าและมีประสิทธิภาพดีกว่าการทำ IPL การทำเลเซอร์แบบนี้อาจทำให้เจ็บและมีสะเก็ดแผลเกิดขึ้นได้ ดังนั้นเวลาทำจึงจำเป็นต้องทายาชาช่วย ถ้าเลือกจะทำวิธีนี้ เพื่อนๆควรงดออกจากบ้านประมาณ 1 สัปดาห์นะคะ หรือ ถ้าจำเป็นจริงๆควรพกร่มหรือทากันแดดก่อนออกแดดทุกครั้งนะคะ


5. ดูแลตัวเอง


วิธีนี้เป็นวิธีที่ประหยัดและดีที่สุดค่ะ การดูแลตัวเองง่ายๆก็เช่น พยายามป้องกันไม่ให้ตัวเองเป็นสิวอักเสบ งดดื่มแอลกอฮอล์ ( เพราะเจ้าแอลกอฮอล์เนี่ยมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจนนะรู้เปล่า) ถ้าหากไม่ได้อยู่ในระหว่างการรักษา คุณสามารถสครับหน้าได้อาทิตย์ละครั้งค่ะ โดยเลือกสครับที่อ่อนโยนต่อผิวก็จะทำให้เลือดไหลเวียนและมีการสร้างคอลลาเจนมาช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของผิวได้ค่ะ กรณีนี้ทำได้หลังจากสิวหายแล้วเท่านั้นนะคะ หรืออาจเลือกรับประทานอาหารเสริมจำพวกคอลลาเจน วิตามินซี ก็ได้นะคะ การรักษาแต่ละประเภทต้องค่อยเป็นค่อยไป อย่าใจร้อนกันนะคะ ผลลัพธ์ที่ออกมาจะได้ดีๆและยังทำให้ผิวมีสุขภาพแข็งแรงอีกด้วยค่ะ




อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจาก ::: https://medthai.com/วิธีรักษาหลุมสิว/


#ซุยเรนไทยแลนด์ #Suirenthailand #ตามติดชีวิตแอร์ลูกบัว #marinecollagen #มารีนคอลาเจน

bottom of page