เที่ยวพม่า 3 วัน 2 คืน

โดยสายการบินแอร์เอเชีย เริ่มเดินทาง เวลา 07.15-08.00น. (เวลาไทย)ซึ่งเวลาที่พม่าจะเร็วกว่าไทยครึ่งชั่วโมงค่ะค่าตั๋วแอดมินเดินทางกระทันหันไปกลับอยู่ประมาณ 3,800 นิดๆแต่ถ้าจองตอนมีโปรไป-กลับไม่ถึง 2,000 บาทค่ะ
Day1
หลังจากที่เดินทางถึงสนามบินย่างกุ้งก็เดินทางไปที่โรงแรมเพื่อเก็บสัมภาระด้วย taxi หรือจะเรียกGrabก็ได้นะคะ taxi ที่บ้านเค้าไม่มีมิเตอร์เหมือนบ้านเรานะ สอบถามราคาจากคนขับได้เลยค่ะถ้าเข้าเมืองก็น่าจะอยู่ประมาณ300บาทได้



พอดีแอดมินเลือกพักโรงแรมใกล้เจดีย์เชดากอง ห่างกันแค่ 500 เมตรเน้นเดินทางสะดวก แต่ยัง Check- in เลยไม่ได้ต้องรอ 15.00น. ( แนะนำให้จองผ่านเว็บราคาจะถูกว่า walk in เยอะมากค่ะเริ่มต้น 700 บาทขึ้นไปรวมอาหารเช้า) ส่วนห้องตามรูปพักได้ 3 คนค่ะราคาจองผ่าน agoda ประมาณ 3,800 บาท 2 คืนรวมอาหารเช้าแล้วค่ะ


เป็นโรงแรมแนวญี่ปุ่นมีอาหารเช้าให้เลือก 8 sets แต่ละเซทถ้าไปทานในห้างคิดว่า 300 บาท up นะคะ และมีบาร์ชั้นดาดฟ้าด้วยถ้าเซงๆสามารถขึ้นไปดื่มและดูวิวเมืองได้เลยค่ะเมนู+อาหารเช้าตามรูปเลยจ้านั่งกินไปเห็นวิวชเวดากองด้วยยิ่งตอนกลางคืนเปิดไฟสวยมาก


ภาพบรรยากาศบริเวณหน้าโรงแรมค่ะมีตลาดอยู่หน้าโรงแรมเลย


เพื่อเป็นการคั่นเวลาเลยไปเดินเล่นที่ห้างรอค่ะ ชื่อ Junction city เป็นห้างที่น่าจะหรูที่สุดในตอนนี้นะคะแบรนด์ต่างๆในห้างก็คล้ายๆกับไทย แต่อีกไม่นานน่าจะมีอีกห้างในเครือ Central ไปเปิดตอนนี้กำลังก่อสร้างใกล้เสร็จแล้วค่ะ การเดินทางก็สะดวกมากเพราะมองไปทางไหนก็มี taxi ไม่ต้องรอนานเหมือนบ้านเราแถมราคาแสนจะถูก ถ้าอยู่แต่ในเมืองเริ่มต้นก็ประมาณ 40-100บาทได้ค่ะ รถบ้านเค้าส่วนใหญ่เป็นรถมือสองจากประเทศญี่ปุ่นคันไม่ใหญ่มากบางคันก็เปิดหน้าต่างปิดแอร์ อ่อถ้าได้ยินเสียงบีบแตรรถยนตร์เป็นเรื่องปกติมากนะคะไม่ต้องตกใจเหมือนเวียดนามแต่น้อยกว่า หลังจากทานอาหารที่ห้างเรียบร้อยแล้วก็ข้ามไปช็อปปิ้งฝั่งตรงข้ามไปเดินเล่นตลาดสก็อตต่อค่ะ ตลาดนี้จะขายพวกหยกเครื่องประดับต่างๆ เพราะพม่าขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพของหยกติดอันดับโลกที่บ้านเค้าถ้าตลาดหยกก็จะขายแต่หยกเยอะมากค่ะ ตลาดทองก็มีแต่ทองจริงๆ
สถานที่ต่อมาขาดไม่ได้เลยคือต้องไปไหว้เทพทันใจพม่าถือเป็นต้นกำเนิดเลยก็ว่าได้ไม่มาไม่ได้จากห้างไปวัดนั่ง taxi ราคาน่าจะไม่ถึงร้อยค่ะ

นี่แค่ระบบการรักษาความปลอดภัยของทางวัดนะคะต้องสแกนด้วยนึกเข้าอยู่สนามบิน อิอิ

กฎระเบียบของการเข้าวัดที่นั้นค่อนข้างเยอะนะ เช่น ห้ามใส่ถุงเท้ารองเท้าเข้า ต้องแต่งตัวให้สุภาพมิดชิด ถ้ากระโปรงต้องเป็นกระโปรงยาวหรือกางเกงขายาวเท่านั้น ก่อนจะเข้าไปข้างในได้ก็ต้องไปซื้อตั๋วแล้วลงชื่อกับเจ้าหน้าที่ก่อนค่ะ ตั๋วตกคนละ 6,000จ๊าต ( ประมาณ 120 บาท ) จากนั้นก็ซื้อดอกไม้อีกประมาณ 2,000จ๊าต ทางเข้าจะค่อนข้างเข้มงวดมากค่ะ ต้องตรวจสแกนร่างกายจากนั้นเดินเท้าเปล่าเข้าไปไหว้เทพทันใจ ส่วนวิธีการขอพรก็ง่ายๆเลยค่ะเมื่อถึงคิวตัวเองก็คล้องดอกไม้ที่แขนขององค์เทพแล้วพนมมือขอพรอธิฐานจากนั้นให้เตรียมแบงค์แค่1ใบเท่านั้นพันเป็นรูปกรวยแล้วสอดใส่มือของท่านก็เป็นอันเสร็จค่ะ



อ่อเกือบลืม...มีพระธาตุด้วยนะคะข้ามลืมเข้าไปดูเพราะข้างในสวยมากแต่คนค่อนข้างแน่นต้องต่อคิวแต่แอดมินประทับใจมากค่ะ เพราะข้างในเปิดแอร์เย็นฉ่ำและยังตกแต่งประดับประดาไปด้วยทองคำมีพระพุทธรูปและวัตถุโบราณสมัยต่างๆมากมายและเพชรพลอยสมัยก่อนก็เอามาโชว์ในนี้ด้วยค่ะ
หลังจากกลับไปที่โรงแรมเพื่อไป Check-in ที่โรงแรม Azumaya และเปลี่ยนชุดประจำชาติแล้วแอดมินก็พร้อมไปถ่ายรูปที่เจดีย์ชเวดากองแล้วค่ะ เดินมาจากโรงแรมแค่ 500 เมตรก็ถึงเจดีย์ชเวดากองแล้วค่ะ




ภาพบรรยากาศของเจดีย์ชเวดากองช่วงเย็นค่ะ


ภาพถ่ายยามค่ำคืนเปิดไฟแล้วสวยมากเลยค่ะ
กฎระเบียบเหมือนวัดอื่นๆที่แจ้งไว้ข้างบนค่ะ ต้องฝากร้องเท้าไว้ข้างล่างค่ะ เดินเท้าเปล่าเข้าเท่านั้นค่ะสำหรับใครที่เดินไม่ไหวก็มีลิฟท์ให้บริการค่ะ ส่วนค่าเข้าก็ตกประมาณคนละ 10,000 จ๊าตหรือประมาณ 200บาท แต่สิ่งที่ประทับใจที่สุดในทริปนี้ก็คงเป็นที่นี่แหละค่ะเพราะความอลังการใหญ่โตรวมไปถึงสถาปัตยกรรมของเค้า ไม่ว่าจะะเป็นคนแก่ วัยรุ่น ส่วนใหญ่ แต่งตัวด้วยชุดประจำชาติความรู้สึกเหมือนเราอยู่ในหนังเลยค่ะ รอบๆเจดีย์จะมีพระประจำวันเกิดให้เราได้สรงน้ำขอพรกันด้วยนะคะ( มีพระประจำกลางวันและกลางคืนด้วยนะคะต้องดูดีๆ ) สิ่งที่ต้องระวังมากๆสำหรับนักท่องเที่ยวคือเวลาเราถ่ายรูปจะมีคนคอยสังเกตุและอาสาเข้ามาถ่ายรูปให้ค่ะ เค้าจะแกล้งเข้ามาช่วยถ่ายให้แต่หารู้ไม่ว่าสุดท้ายเค้าคิดค่าถ่ายจ้านี่ขนาดเป็นกล้องเรานะใครไปอย่าอนุญาตให้เค้าถ่ายให้นะ


สองภาพนี้เป็นวัดที่ต้องอยู่ข้างหน้าโรงแรมเลยค่ะ
Day 2

แอดมินอยากเปลี่ยนบรรยากาศเลยเช่ารถพร้อมคนขับออกไปนอกเมือง เหมาไปหงษาวดี 1 วันเต็มราคาก็อยู่ประมาณ 1,600 บาท มีไกด์ที่พูดอังกฤษได้คอยแนะนำทางตลอดเลยค่ะ นี่ตอนแรกแอดนึกว่าได้รถยนตร์ธรรมดานะราคานี้ แต่ที่ไหนได้รถตู้มารับเลยจ้า

หลักๆที่ไปก็คือ เจดีย์ชเวมอดอร์ ซึ่งคนพม่าเชื้อว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตคนพม่าควรมากราบไหว้สักครั้งค่ะโดยอัตราค่าเข้า จะอยู่ประมาณ 200 บาทนั้นเองค่ะโดยอัตรานี้จะเป็นตั๋วเหมาเข้าได้ทั้งหมด 4สถานที่ในระยะเวลา 2วันค่ะ เช่นเจดีย์ไจ๋ปุ๋น พระราชวังบุเรงนองเป็นและไหว้ศาลพระสุพรรณกัลยาเป็นต้นค่ะ แต่ถ้าเหลือเวลาอยากไปไหนต่ออีกก็แจ้งไกด์ได้นะคะ ถือว่าคุ้มมากๆกับราคานี้

สถานที่ประทับเก่าพระเจ้าบุเรงนอง

ขับรถออกมาข้างหน้าก็จะเจอศาลของพระสุพรรณกัลยาและพระตำหนักพระองค์ท่านค่ะ
Day 3

ยังเหลือเวลาเที่ยวอีกนิดหน่อยเพราะกลับไฟลต์เย็น เลยแวะไปไหว้พระที่วัดพระนอนตาหวาน มีความยาวกว่า 70 เมตร เป็นพระนอนที่ใหญ่ที่สุดและมีความงดงามที่สุดของประเทศพม่า ในพม่า พระ เณร แม่ชี เยอะมากค่ะออกมาเดินเต็มถนนไปหมดเด็กตัวเล็กๆก็โกนผมบวชกันแล้ว แต่แอดมินมารู้ที่หลังว่าคนส่วนใหญ่ยากจนถ้าอยากเรียนก็ต้องบวชเรียนถึงจะมีโอกาสได้เรียนค่ะ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมถึงเยอะวัดก็เยอะไม่แพ้กันค่ะ
ที่แอดมินไม่รีวิวอาหารพม่าเลยเป็นเพราะอาหารพื้นเมืองแอดมินทานไม่ค่อยได้เลยค่ะ จะมีกลิ่นเครื่องเทศแรงและค่อนข้างมัน ส่วนมากจะเข้าไปทานอาหารในห้างและโรงแรมแทบทุกมื้อค่ะ อาหารก็ประมาณนี้จ๊ะ


ที่เห็นทั้งโต๊ะนี้ไม่ถึง 400 บาทจ้าในห้าง Junction City ด้วยนะ
ส่วนภาพข้างล่างคือบุฟเฟ่ของโรงแรม Sule Shangri-La Yangon แอดไปกินทั้งสองวันเลยเพราะพนักงานใจดีลดให้ 10-15% ใครไปทานลองขอส่วนลดได้นะคะเค้าให้แหละ เฉลี่ยตกคนละ 1,000 บาทเองค่ะ ห้องอาหารเปิด 18.00-22.00 น.





สรุป ถ้าจะมาพม่ามาทำบุญนี่โอเครเลยค่ะ ถ้าคิดจะอยู่แต่ในเมืองจองสัก 2 วันกับอีก 1 คืนก็เที่ยวทั่วแล้วค่ะ แต่ถ้าอยากถ่ายรูปกับวิวสวยๆคงต้องออกไปนอกเมืองไกลหน่อย ข้อเสียอีกข้อน่าจะเรื่องไฟฟ้าของที่นี่ค่ะไฟดับบ่อยมากในห้างก็ด้วยจะดับก็ดับเลยซะงั้น แต่คนพม่าเค้าบอกว่าเป็นเรื่องปกตินะ ใครสนใจก็ลองไปตามคำแนะนำของแอดมินดูนะค่ะ ..................จบทริปจ้า
#ทริปพม่า #ทริปไหว้พระ #หลวงพ่อทันใจ #เจดีย์ชเวดากอง #ตามติดชีวิตแอร์ลูกบัว #ซุยเรนอินเตอร์ #Suireninter